กรมวิทยาศาสตร์ฯ ถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตชุดทดสอบ TB-LAMP ตรวจหาเชื้อวัณโรค

วันนี้ (14 มีนาคม 2566) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดพิธีลงนามสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตชุดทดสอบ DMSc-TB FastAmp (TB-LAMP) ระหว่าง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กับ บริษัท เออีซี เฮลธ์แคร์ จำกัด โดยมี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และก็ นายนนทศักดิ์ ประยูรเธียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออีซี เฮลธ์แคร์ จำกัด

ร่วมลงนาม ประกอบกับมี นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯ นพ.อาชวินทร์ โรจนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์ฯ ผู้บริหารบริษัท เออีซี เฮลธ์แคร์ จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน ที่อาคาร 100 ปี การสาธารณสุขไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า วัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis เกิดได้ในหลายอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 มักเกิดที่ปอด ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ อาจพบวัณโรคนอกปอดได้ในอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ เยื่อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท เป็นต้น

“จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค ประเทศไทยมีอุบัติการณ์ผู้ป่วยวัณโรค 150 ต่อ 100,000 ประชากร หรือประมาณปีละ 105,000 คน โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยการกินยาให้ครบตามจำนวนที่แพทย์สั่งอย่าหยุดกินยาเองอย่างเด็ดขาด และก็ไปพบแพทย์ตามนัดจนกว่าแพทย์จะสั่งหยุดยา เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อวัณโรคดื้อยาได้

อย่างไรก็ตาม การยุติปัญหาวัณโรคของประเทศจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งด้านการค้นหาผู้ป่วย การรักษา รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับวัณโรคสู่ประชาชน” นพ.ศุภกิจ กล่าว

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การค้นหาผู้ติดเชื้อวัณโรคและผู้ป่วยให้ครอบคลุม โดยเฉพาะการคัดกรองในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งการควบคุมวัณโรคที่มีประสิทธิภาพ จะต้องวินิจฉัยโรคได้ถูกต้องรวดเร็วรวมไปถึงรักษาด้วยยาที่ได้ผล

“ปัญหาเท่ากับ เราจะเจอคนไข้ได้อย่างไร เทคโนโลยีที่จะมาช่วยค้นหาวัณโรคได้เร็วจึงเป็นโจทย์สำคัญ ดังนั้น กรมวิทยาศาสตร์ฯ จึงได้พัฒนาชุดทดสอบ DMSc-TB FastAmp (TB-LAMP) สำหรับตรวจหาเชื้อกลุ่มวัณโรค ด้วยเทคนิค LAMP ซึ่งเป็นวิธีการตรวจดีเอ็นเอของเชื้อวัณโรคจากตัวอย่างเสมหะ โดยการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม วิธีการตรวจง่าย มีความแม่นยำสูง สามารถอ่านผลรวดเร็วได้ด้วยตาเปล่า รู้ผลใน 2 ชั่วโมง สามารถทำได้ในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลทั่วไป

รวมถึงใช้ตรวจเพิ่มในรายที่มีผลตรวจย้อมเชื้อในเสมหะเป็นลบ ต้องขอบคุณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ได้บรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ นั่นหมายความว่า คนไทยทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงบริการนี้ได้โดย สปสช. จะจ่ายค่าบริการ 200 บาทต่อคน แต่ปัญหาหมายความ น้ำยาที่จำหน่ายในท้องตลาดมีราคาประมาณ 300 บาท กรมวิทยาศาสตร์ฯ จึงได้พัฒนาชุดทดสอบดังกล่าวขึ้นมา และก็ได้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจวัณโรค” นพ.ศุภกิจ กล่าว

ทั้งนี้ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ปัจจุบันมีโรงพยาบาลต่างๆ ในประเทศไทย สามารถใช้ชุดตรวจด้วยชุดทดสอบนี้ ครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 40 แห่ง ซึ่งจะส่งผลดีในการค้นหาผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค หรือกลุ่มเป้าหมายในผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง คนที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค และเนื่องจากกรมวิทยาศาสตร์ฯ ไม่สามารถผลิตเพื่อจำหน่ายได้

จึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้บริษัทเอกชนผลิตในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยให้สถานพยาบาลสามารถเข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่เหมาะสมภายใต้การดูแลองค์ความรู้รวมถึงเทคโนโลยีของกรมวิทยาศาสตร์ฯ เป็นการเพิ่มช่องทางการให้บริการกับหน่วยงานที่มีความประสงค์ใช้ชุดทดสอบนี้ได้มากยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนคนที่สงสัยว่าเป็นวัณโรคก็จะได้รับการตรวจที่เร็วขึ้น สามารถค้นหาผู้ป่วยและนำเข้าสู่ระบบการรักษาที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนการควบคุมและก็ป้องกันวัณโรคให้ลดน้อยลงเรื่อยๆ

เรียบเรียงใหม่จากเนื้อหาเรื่อง : และอย่าพลาดเรื่องราวต่าง ๆ จากทางเรา ที่เดียว

รับโฆษณาสินค้า กับเรา กระดานข่าว เคล็ดลับความสวย