โรคข้อสะโพก สำหรับวัยทำงานที่พบบ่อยได้แก่ ข้อสะโพกเสื่อม (Osteoarthritis,OA), ข้อสะโพกขาดเลือด (Avascular Necrosis, AVN), ข้อสะโพกพัฒนาการผิดปกติ (Developmental Hip Dysplasia,DDH)
สำหรับในคนไทยเรานั้น สามารถพบอาการของข้อสะโพกขาดเลือดได้บ่อยสุด ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณการดิ่มเหล้า การใช้สารสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ส่วนสาเหตุของข้อสะโพกเสื่อมในวัยทำงานของคนไทย ที่พบมากที่สุดได้แก่ โรคข้อสะโพกขาดเลือด ข้อสะโพกรูมาตอยด์ ข้อสะโพกขาดเลือดและเสื่อมจากภาวะไตวาย หรือได้รับสารสเตียรอยด์เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ในวัย 40-65 ปี ผู้หญิงไทยยังพบข้อสะโพกเสื่อมที่เป็นผลต่อเนื่องมาจากข้อสะโพกพัฒนาการผิด ปกติที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก แต่มีอาการในวัยก่อนชรา
การรักษาในอดีต ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ จะพยายามหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนข้อสะโพก เนื่องจากอายุการใช้งานของข้อสะโพกเทียมในวัยทำงานสั้นกว่าการเปลี่ยนข้อ สะโพกเทียมในวัยชรามาก ประมาณกันว่า หากเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมในวัยทำงาน อายุการใช้งานอยู่ได้ประมาณ 10 ปี แต่ถ้าเปลี่ยนในวัยชรา (อายุมากกว่า 60-65 ปี) อายุการใช้งานจะอยู่ได้เท่าตัว คือ มากกว่า 20 ปีขึ้นไป
สาเหตุที่อายุการใช้งานของข้อสะโพกเทียมในวัยหนุ่มสาวสั้น เพราะข้อสะโพกเทียมแบบดั้งเดิมเป็นข้อต่อแบบหัวโลหะชนกับเบ้าพลาสติกทางการแพทย์ (Ultra High Molecular Weight Polyethylene, UHMWPE) ซึ่งมีข้อดีที่ข้อต่อลื่นไหลดี (Low friction) และทนทาน แต่เนื่องจากว่าวัยหนุ่มสาวเป็นวัยที่มีการใช้งานสะโพกหนักมาก แม้ว่าจะเป็นการใช้ตามปกติในชีวิตประจำวันก็ตาม การสึกหรอของพลาสติกเกิดขึ้นได้เร็วและมาก เศษชิ้นส่วน(Debris)จากเบ้าพลาสติกที่สึกหรอนั้น เมื่อปริมาณสะสมมากขึ้น จะกระตุ้นให้ร่างกายจะกำจัดโดยกระบวนภูมิคุ้มกัน ผ่านการทำงานของเม็ดเลือดขาว และมีผลข้างเคียงให้เนื้อเยื่อโดยรอบสะโพก รวมทั้งกระดูกยึดเกาะกับข้อสะโพกเทียมละลายตัว (Osteolysis)
ข้อสะโพกเทียม
ข้อสะโพกเทียมที่ใส่อยู่จะเกิดอาการหลวมจากการละลายการยึดเกาะของกระดูกได้ เร็วกว่าปกติ เป็นเหตุให้ผู้ป่วยวัยทำงานเมื่อใช้งานไปได้ 5-10 ปี จะมีการปวดสะโพกอีก และศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ จึงจำเป็นแนะนำให้ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกใหม่ (Revision Surgery) ซึ่งการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกใหม่นี้ ผลการรักษาและอายุการใช้งานจะแย่กว่าการผ่าตัดครั้งแรกมาก หมายความว่า อายุการใช้งานหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกใหม่นี้ น้อยกว่า 10 ปี ทั้งนี้เป็นเพราะกระดูกรอบข้อสะโพกเหลือน้อยกว่ากรณีการผ่าตัดครั้งแรกมาก เนื่องการการหลอมละลายของกระดูก (Osteolysis) และเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อรอบข้อสะโพกมีพังผืดอันเป็นผลมาจากการผ่าตัดครั้งแรก
ท่าออกกำลังที่ทำให้สะโพกกระชับ
ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นแอโรบิก การวิ่ง ปั่นจักรยาน การบริหารเฉพาะส่วน ฯลฯ เป็นวิธีที่ช่วยให้สะโพกสวย แน่น และกระชับมากขึ้น คนอ้วน หรือผอมก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ ที่สำคัญ การควบคุมอาหาร แต่ไม่ใช่อดอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์มากกว่ารับประทานตามใจปาก ควรทานให้ครบทั้ง 3 มื้อ และหยุดทันทีถ้ารู้สึกอิ่ม ลดอาหารจำพวกที่ให้พลังงานสูง และอาหารรสจัด หวานจัด มันจัด ควรดื่มนมที่พร่องมันเนย ของขบเคี้ยว ให้เลือกทานประเภทพืชเปลือกแข็งแทน เช่น ถั่ว เม็ดแตงโม การออกกำลังกายให้สะโพกที่ดีอีกวิธีคือ การนวดสะโพก การนวดมีประโยชน์มากกับขาช่วงต้นขาด้านบน ด้านหน้าและหลัง โดยเฉพาะช่วงต่อจากก้นลงมา เพราะถ้าบริเวณนี้มีไขมันมากจะทำให้สะโพกห้อยและย้อยได้ นอกจากนี้การนวดยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมทั้งกำจัดของเสียและไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังด้วยการทำสะโพกให้สวยกระชับ
Dumbbell Side Bends : บริหารกระชับและลดเอว ให้ยืนถือดัมเบล ความกว้างของขามากกว่าความกว้างหัวไหล่ และ ย่อเข่าเล็กน้อยค่อยๆเอียงลำตัวจนไกล้หัวเข่า แล้วจึงคืนกลับ โดยให้ทำทั้งสองข้างสลับกัน
Back Extension : การกระชับหลังส่วนล่าง นอนคว่ำหน้าบนพื้น วางมือไว้ที่ศีรษะ ยกศีรษะและหัวไหล่ขึ้น และหลังจากพื้น ค้างไว้แล้วจึงคืนกลับ
Bridge-Ups / Butt lifts : นอนราบบนพื้นชันเข่าขึ้น ค่อยๆยกสะโพกขึ้นและเกร็งกล้ามเนื้อช่วงสะโพกก้น พยามไม่แตะพื้นตอนคืนกลับให้ครบจำนวนครั้งใน 1 เซ็ต
Lying Adduction : กระชับสะโพกและต้นขาด้านใน ให้นอนราบตั้งตัวขึ้น คร่อมขาขวาทับขาซ้าย ขาซ้ายเหยียดตรง วางข้อศอกซ้ายไว้บนพื้น ค่อยเหยียดและยกขาซ้ายขึ้นและคืนกลับให้ทำจนครบจำนวนครั้งที่ต้องการแล้วจึง เปลี่ยนสลับข้าง
Side Leg Raise : กระชับและลดสะโพกและต้นขาด้านข้าง ท่านี้เป็นท่าบริหาร สะโพกด้านข้างดี โดยให้นอนราบตั้งลำตัวขึ้น วางข้อศอกซ้ายไว้บนพื้นเหยียดขาทั้งสองข้างเป็นเส้นตรง ให้เกร็งขาขวาและยกขึ้นจนรู้สึกตึงช่วงสะโพกแล้วจึงคืนกลับ สามารถยกเป็นจังหวะเดียวหรือจะเพิ่มความยากโดยการยกสองจังหวะได้
การรักษาข้อสะโพก
การผ่าตัดแบบใหม่เพื่อใช้ในวัยทำงานได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในเบอริมิ งแฮม ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ 1991 และได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก ช่วยให้ผู้ป่วยวัยหนุ่มสาว สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ และเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายหนักได้ ข้อสะโพกแบบใหม่นี้เป็นแบบโลหะชนกับโลหะ แทนที่จะเป็นโลหะชนกับพลาสติกทางการแพทย์
นอกจากนี้แล้ว หัวสะโพกมีขนาดใหญ่เท่ากับหัวสะโพกเดิมของผู้ป่วย (ข้อสะโพกคนไทยทั่วไปมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 40-52 มิลลิเมตร) ซึ่งข้อสะโพกเทียมดั้งเดิมจะมีขนาดหัวสะโพกเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 28 มิลลิเมตร ทำให้การหลุดของสะโพกในข้อสะโพกเทียมแบบใหม่ยากกว่าในข้อสะโพกเทียมแบบดั้งเดิม หัวสะโพกใหญ่จะหลุดยากกว่าหัวสะโพกเล็ก
ผู้ป่วยข้อสะโพกในวัยทำงานที่เป็นชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก (ทั่วโลกมีมากกว่า 1 แสนข้อในปัจจุบัน) ที่รับการรักษาด้วยข้อสะโพกแบบใหม่นี้ ประทับใจในผลการรักษามาก ทำให้เกิดความนิยมอย่างรวดเร็วมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นข้อสะโพกเทียมเบอร์มิงแฮม
สำหรับในประเทศไทย เริ่มมีการรักษาแบบใหม่แล้ว แต่ยังไม่แพร่หลายนัก แต่ผลการรักษาก็เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งแพทย์และผู้ป่วยต้องร่วมกันวางแผนการรักษา เพราะถ้าหากผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกแบบดั้งเดิมไปแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนใจมาผ่าตัดข้อสะโพกแบบใหม่นี้ได้เลย
อ้างอิงข้อมูล www.thaibhr.org
เคล็ดลับสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
เคล็ดลับผิวสวยใส
ความสวยความงาม ของผิวหน้า
การเลือกใช้สกินแคร์ เพื่อการบำรุงผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวส่วนใดก็ตาม ควรใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนจัดในเมืองไทย
เคล็ดลับความงาม
อาหารเช้าเพื่อสุขภาพที่ดี
ด้วยการดำรงชีวิตในปัจจุบันจะมีความเร่งรีบแข่งกับเวลาในการทำธุระทั้งส่วนตัวและหน้าที่การงาน
เคล็ดลับความงาม
Halle Berry haircut backview
Halle Berry are those celebrities that have created some of the most amazing
เคล็ดลับผิวสวยใส
วิธี ป้องกันผิวแห้ง ในหน้าหนาว
หน้าหนาวใครๆ ก็แต่งตัวสวยดูดี แปลงเนาะ ประเทศไทยเราเองหน้าร้อนสาวๆ นุ่งสั้น นุ่งน้อยห่มน้อย ก็น่ารักไปอีกแบบ
เคล็ดลับความงาม
แฟชั่นเสื้อผ้า เด็ก สวยๆ
บังเอิญว่างจังช่วงนี้ เลยได้มีโอกาสเข้าไปอ่าน blog ของคุณแม่น้องเปรม ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับเสื้อผ้าเด็ก
โรคภัยไข้เจ็บ
การดูแลผู้ป่วยที่เป็น โรคหัวใจขาดเลือด
ผู้ป่วยที่มีอาการโรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดนั้น มักแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย เช่น เจ็บกลางหน้าอกบริเวณเหนือลิ้นปี่ขึ้นมาเล็กน้อย